บางทีการขับขี่รถยนต์บนท้องถนนร่วมกับคนจำนวนมาก ก็สร้างความลำบากใจให้กับเราเป็นอย่างมาก จริงไหมครับ แม้ร้านไทยจราจรเองจะพยายามเน้นย้ำในเรื่องของการใช้รถใช้ถนนอย่าง
ปลอดภัย แต่เราก็อาจหลีกเลี่ยงคนจำนวนหนึ่งที่สังคมเรียกว่าเป็นคนที่มีนิสัยมนุษย์ลุงมนุษย์ป้าได้ยากเต็มที วันนี้เราจึงขอรวบรวม 10 นิสัยมนุษย์ลุง มนุษย์ป้าบนท้องถนนมาแชร์ให้รับทราบโดยทั่วกันเผื่อว่าหากวันใดที่ต้องเจอมนุษย์เหล่านี้ ก็ให้เลี่ยงไว้ก่อน ปลอดภัยกว่า
1. ขับช้าแช่ขวา ตามกฎจราจรแล้ว เลนขวาสุดมีไว้เพื่อแซงเท่านั้น เมื่อแซงได้แล้ว เราก็ต้องหลบกลับเข้าเลนซ้าย เพื่อให้รถที่เร็วกว่าวิ่งเลนขวาไป แต่มนุษย์ลุงมนุษย์ป้าอาจไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาอาจคิดว่าเลนขวาว่างดี ขับแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ดีที่สุด ก็เลยแช่ขวาอยู่อย่างนั้น ให้เพื่อนร่วมทางรำคาญใจเล่นก็เป็นได้
2. ขับคร่อมเลน เจอแบบนี้เพื่อนร่วมถนนลำบากใจแน่นอน จะไปซ้ายหรือจะไปขวาก็ไม่อาจทราบได้ แถมยังส่งผลให้ช่องทางการจราจรน้อยลงอีกด้วย นิสัยแบบนี้ไม่ดีเลย
3. ไม่เปิดไฟเลี้ยวให้สัญญาณก่อนเปลี่ยนช่องจราจร นิสัยแบบนี้ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุมานักต่อนัก หากรถคันที่ตามหลังมาไม่สามารถเบรกได้ทัน ก็จะเกิดความเสียหายขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจเกิดทั้งความเสียหายต่อทรัพย์สินและต่อร่างกายด้วย ไม่คุ้มกันเลยกับความมักง่ายในลักษณะนี้
4. ออกจากซอยโดยไม่สนใจคันอื่น การออกจากซอยโดยไม่หยุดมองคันอื่น ออกมาด้วยความมั่นใจว่าคันอื่น ๆ จะต้องให้ทาง การทำเช่นนี้ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทั้งมนุษย์ลุงมนุษย์ป้าที่ขับขี่ทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ การสูญเสียอาจเกิดขึ้นได้เพราะความประมาทเช่นนี้
5. ไม่หลบทางให้ เมื่อสวนทางกันในซอย อันที่จริงการสวนทางกันในซอยก็มีหลักการเบื้องต้นอยู่ นั่นคือ การหลบทางให้กับผู้ที่เข้ามาก่อน หรือการหลบทางชิดเข้าเลนตัวเองเมื่อต้องสวนกัน แต่นิสัยของมนุษย์ลุงและมนุษย์ป้าอาจอยู่เหนือกว่านั้น หลายครั้งที่ไม่ยอมหลบทางให้ ทำให้ผู้ร่วมใช้ถนนต้องเป็นฝ่ายหลบทางเอง เคยมีกรณีที่มนุษย์ป้าเหมือนกัน สวนทางกันเองในซอย ต่างคนต่างไม่ยอมหลบ ใช้เวลาไป 2 ชม. กว่าจะเคลียร์เส้นทางให้รถผ่านได้ก็มี ถ้าเป็นไปได้ก็อย่ามาเจอกันเลยจะดีกว่า
6. ขับย้อนศร เอาสะดวก มนุษย์เราทุกคนทราบกันดีว่าการขับย้อนศรนั้นอันตรายแม้บางจุดจะมีป้ายจราจรเตือนก็ไม่ทำตาม รู้ทั้งรู้ว่ามีความเสี่ยงสูง แต่ด้วยความมักง่าย หลายรายก็เลือกที่จะทำเพื่อความสะดวกของตนเอง เป็นอีกหนึ่งในนิสัยของมนุษย์ลุงมนุษย์ป้า ล่าสุดมีหลายพื้นที่พยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการนำอุปกรณ์การจราจรที่เรียกว่า ที่บังคับเดินรถทางเดียว มาใช้ ซึ่งการทำงานของอุปกรณ์นี้ หากขับรถมาถูกเส้นทางก็จะสามารถผ่านไปได้ แต่หากย้อนศรมาผิดเส้นทาง นอกจากจะไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้โดยสวัสดิภาพแล้ว อุปกรณ์นี้จะส่งผลกระทบต่อยางรถอย่างแน่นอน หากต้องการดูการทำงานของอุปกรณ์ชนิดนี้ เข้าไปดูได้เลยที่ https://trafficthai.com/
7. ขับเหยียบน้ำใส่คนเดินเท้าข้างทาง ประเทศไทยค่อนข้างมีฝนตกชุก มักเกิดน้ำขังตามจุดต่าง ๆ บนถนน และข้างทางริมทางเดินเท้าอยู่เสมอ ปริมาณน้ำจะสูงหรือต่ำ ก็สามารถดีดกระเซ็นขึ้นไปเลอะคนที่เดินเท้าบนทางเดินเท้าได้อย่างง่ายดาย หากผู้ขับขี่ยานพาหนะไม่ใส่ใจที่จะชะลอความเร็วเพื่อให้น้ำไม่ดีดขึ้นสูง แต่มนุษย์ลุงและมนุษย์ป้า มักลืมจุดนี้ไป
8. ใช้สมาร์ทโฟนในระหว่างขับรถ ร้านไทยจราจรเข้าใจว่าคนเราต้องมีธุระและต้องการการสื่อสาร แต่ในระหว่างขับรถนั้น การห้ามใช้สมาร์ทโฟนก็ถือเป็นกฎหมายข้อหนึ่งอยู่แล้ว เพราะการใช้สมาร์ทโฟนในระหว่างการขับรถ นอกจากจะทำให้การตัดสินใจในการขับรถไม่รวดเร็วเท่ากับสภาวะปกติแล้ว ยังอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้
9. จอดตรงทางโค้ง โดยเฉพาะการจอดตรงช่วงทางโค้งในซอย ทำให้รถคันอื่น ๆ ไม่สามารถเลี้ยวเข้าซอยได้ หรือเข้าได้ก็เข้าได้อย่างยากลำบาก ซึ่งการป้องกันนั้นก็ทำได้อยู่ ด้วยติดตั้งป้ายจราจร หรือตีเส้นสีห้ามจอด เพื่อแสดงเป็นสัญญาณว่าห้ามจอดตรงนี้ ให้ขยับไปจอดในตำแหน่งถัดไป จะปลอดภัยและสะดวกต่อเพื่อนร่วมทางมากกว่า เป็นต้น
10. จอดในที่ห้ามจอด คนทั่วไปมักทราบกันดีว่าไม่ควรจอดในที่ห้ามจอดซึ่งมีป้ายจราจรกำกับไว้ ไม่ว่าบริเวณนั้นจะใกล้กับตลาด สถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้าหรือร้านอาหารก็ตาม หากเป็นพื้นที่ห้ามจอด คนปกติก็มักจะขยับไปจอดในพื้นที่อื่น ๆ แตกต่างจากคนที่มีนิสัยมนุษย์ลุงมนุษย์ป้า เนื่องจากพวกเขาจะเลือกจอดในที่ห้ามจอด หากเจ้าหน้าที่หรือใครเข้ามาเตือน ก็จะบอกว่าจอดครู่เดียวเท่านั้น ยิ่งหากโดนล็อคล้อตามกฎจราจร ก็จะยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นทางที่ดีที่สุด ตรงบริเวณที่ห้ามจอดจึงควรมีอุปกรณ์ตามที่เห็นสมควร วางไว้เพื่อป้องกันมนุษย์ลุงมนุษย์ป้ามาจอดจะเป็นการดีกว่า ซึ่งทางร้านไทยจราจรก็มีอุปกรณ์หลายชนิดที่ตอบโจทย์และเหมาะสมกับพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแผงกั้นจราจร ป้ายจราจร หรือกรวยจราจร และอุปกรณ์จราจรอื่น ๆ อีกกว่า 50 ชนิด