เสาล้มลุกจราจร หรือเสาหลักอ่อน มีหน้าที่หลักในการห้ามเส้นทางสัญจร พูดง่าย ๆ ก็คือทำให้ผู้ขับขี่ทราบว่าบริเวณนี้เป็นจุดที่ห้ามไม่ให้รถเข้าไป ว่าแต่ทำไมต้องมีล่ะ? ใช้เสาพลาสติกธรรมดาหรือเสาคอนกรีตแทนได้ไหม ทาสีเส้นบอกห้ามเข้าพื้นที่เฉย ๆ ไม่พอหรือไร ร้านไทยจราจรมีคำตอบให้ที่นี่ มาดูกันเลย

1. ช่วยให้มองเห็นในระดับที่สูงกว่า

ผู้ใช้รถใช้ถนนหลายคนอาจสังเกตว่า เสาล้มลุกจราจร มักจะติดตั้งอยู่บริเวณเดียวกับหรือทับเส้นที่ทาบนถนน แล้วแค่มีสีเส้นไม่พอหรือ คงต้องบอกอย่างนี้ครับว่า สีบนถนนมันอยู่ต่ำ คนขับรถจะมองเห็นได้ก็แต่ในระยะไกลเท่านั้น สำหรับคนขับรถที่อยู่ใกล้กับเส้นจะมองไม่เห็นและขับทับเส้นจนเลยเข้าไปในพื้นที่ห้ามสัญจรได้ง่าย ๆ การติดตั้งเสาที่สูงขึ้นมาจากพื้นทำให้คนขับมองเห็นเสาได้จากกระจกข้างและกระจกส่องหลัง และทราบได้ทันทีว่าตนเองขับรถกินเลนหรือขับเข้าไปในที่เส้นทางห้ามสัญจรหรือเปล่า

1. ไม่เป็นอันตรายต่อตัวรถ

            ถ้าคุณหล่อเสาคอนกรีตบริเวณพื้นที่ห้ามสัญจรไปเลย สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ อย่างหนึ่งก็คือมันอาจจะก่อความเสียหายให้กับรถที่ขับมาเฉี่ยวชนได้ แล้วถ้ารถขับมาด้วยความเร็ว หักหลบไม่ทัน อาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นมาก็ได้ ความปลอดภัยของผู้ขับขี่และรถจึงเป็นเหตุผลสำคัญให้ต้องมีเสาล้มลุกจราจร เนื่องจากเสาดังกล่าวสร้างจากวัสดุพิเศษที่เมื่อรถชนแล้วจะล้มลงไปในระนาบเดียวกับถนน แต่พอรถแล่นผ่านไปแล้ว เสาจะลุกกลับขึ้นมาตั้งใหม่ได้เอง โดยไม่ก่อให้เกิดรอยขีดข่วนหรือทำอันตรายต่อตัวรถ

1. ไม่แตกหักง่าย

            หากคุณใช้เสาพลาสติกพีวีซีธรรมดาไปตั้งบนถนน คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อรถขับทับ เนื่องจากพีวีซีเป็นวัสดุที่มีความเหนียวต่ำ ถ้ารถชนหรือขับทับมันก็จะหักกระจุย นั่นหมายความว่าคุณต้องเสียเงินซื้อเสาใหม่มาติดตั้งในทุกครั้งที่มีรถขับชนเสา แต่ถ้าใช้เสาหลักอ่อน ซึ่งส่วนมากทำจาก PU (Polyurethane) หรือ TPU (Thermoplastic Polyurethanes) วัสดุเหล่านี้มีความเหนียวและมีความยืดหยุ่นมาก เวลารถทับ แม้เสาจะหักพับแต่ก็สามารถคืนรูปได้อย่างรวดเร็ว
วัสดุ PU เป็นวัสดุที่นิยมนำมาใช้ทำเสาจราจรมากที่สุด เพราะทนแรงกระแทกได้ดี ขึ้นรูปได้โดยไม่มีรอยต่อ และรองรับน้ำหนักกดทับได้มาก ทำให้เสาจราจรโดยปกติแล้วรับการถูกรถชนได้ประมาณ 100 – 188 ครั้ง แต่ที่ร้านไทยจราจร มีเสาล้มลุกจราจร มาตรฐานจากญี่ปุ่น แบบพิเศษ ที่รองรับรถทับที่ความเร็ว 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ถึง 1,000 ครั้ง สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 800 กิโลกรัม ขนาดที่รถบรรทุกและรถบทถนนขับทับเสาก็ยังลุกขึ้นมาตั้งได้โดยไม่แตกหัก
หากคุณคิดว่าสิ่งที่กล่าวมานี้เป็นสุดยอดของความทนทานแล้วละก็ ยังครับ อันที่จริงเสามาตรฐานญี่ปุ่นรุ่นนี้ของเรามีอีกหนึ่งความพิเศษ เคยเห็นใช่ไหมครับ ที่เสาหลักอ่อนโดยรถชนจนหักเหลือแต่ตอ นั่นเพราะเสาปกติจะเสียบหมุดรอบฐานเพื่อยึดฐานไว้กับถนน พอรถทับเสาล้ม ฐานไม่ล้มด้วย เลยกลายเป็นหักที่โคน แต่เสารุ่นนี้มีความพิเศษตรงที่ใช้เดือยสแตนเลสหนึ่งหัวฝังถนน รถทับเสาล้มเดือยโยกตาม พอรถผ่านเสาลุกเดือยโยกกลับที่เดิม จึงหมดปัญหาฐานจ๋าเสาลาก่อน แถมยังปลอดภัยเพราะไม่มีนอตโผล่ เป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากนอตเจาะยางรถจนแตกอีกด้วย

1. มองเห็นได้ง่ายในเวลากลางคืน

            ความพิเศษของเสาล้มลุกที่ยากจะใช้เครื่องกีดขวางอื่นแทนได้ คือ มันสามารถสะท้อนแสงไฟหน้ารถ ทำให้คนขับมองเห็นในเวลากลางคืนได้ บางรุ่นใช้วิธีติดลูกแก้วสะท้อนแสงบนฐาน บางรุ่นใช้วิธีติดสติกเกอร์สะท้อนแสง แต่ก็ยังประสบปัญหาลูกแก้วหลุด ลูกแก้วมัว หรือค่าความสะท้อนแสงของสติกเกอร์ต่ำ ทว่าถ้าคุณซื้อเสาหลักอ่อนมาตรฐานญี่ปุ่นกับเรา คุณจะไม่ผิดหวัง เพราะลูกแก้วสะท้อนแสงรอบฐานเป็นลูกแก้วของชวาลอฟสกี้ (Swarovski) ซึ่งเป็นแบรนด์เพชรยี่ห้อดัง คุณภาพดี ส่วนสติกเกอร์สะท้อนแสงก็เป็น 3M Diamond grade ค่าสะท้อนแสงสูงเหมาะที่สุดกับสายตาของมนุษย์ จึงมองเห็นได้ง่ายกว่าในเวลากลางคืน

1. ทนต่ออุณหภูมิและแสงยูวี

            สำหรับประเทศไทยทีมีอุณหภูมิในหน้าร้อนสูงมาก ขนาดที่ทำเอายางมะตอยยืดขยายจนเส้นทาถนนย้วยไม่เป็นรูป แถมยังมีแดดแรง เรียกว่าถ้าเป็นเสาสีสด ๆ ปกติ โดนแดดเลียไม่กี่วันสีก็ซีดหมดแล้ว แต่เสาล้มลุกมาตรฐานญี่ปุ่นทนต่ออุณหภูมิได้แบบสุดขั้ว กล่าวคืออยู่ที่ -20 ถึง 110 องศาเซลเซียส แถมเคลือบกันยูวีพิเศษทำให้สีสดทนนานไม่ซีดจางง่าย
หากตั้งคำถามว่าทำไมต้องมีเสาจราจรล้มลุก ก็คงจะต้องบอกว่าเสาชนิดนี้ช่วยให้คนขับมองเห็นและทราบพื้นที่ห้ามสัญจรได้แม้อยู่ใกล้พื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้เสายังมีคุณสมบัติพิเศษ คือ ไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากล้มเมื่อรถทับและลุกเมื่อรถผ่านไป อีกทั้งรุ่นพิเศษมาตรฐานญี่ปุ่นยังไม่มีนอตโผล่จากพื้นจึงลดปัญหายางแตกเมื่อขับรถทับเสาได้ นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่ออุณหภูมิ แสงยูวี และการกดทับของยวดยานพาหนะ แถมยังสะท้อนแสงในเวลากลางคืน ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จึงไม่อาจใช้เครื่องกีดกั้นชนิดอื่นแทนเสาจราจรได้อีกแล้ว