
        ป้ายจราจร คือป้ายที่มีไว้ใช้ระบุสัญลักษณ์เพื่อแสดงให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามหรือเตือนห้ามไม่ให้กระทำผิด  โดยปกติแล้วป้ายจราจรจะถูกแบ่งออกเป็น ป้ายเตือน ป้ายบังคับ และป้ายแนะนำ  ในแต่ละประเภทก็จะมีรูปร่างหน้าตาและสีที่แตกต่างกันออกไป 
            แต่ป้ายทุกประเภทจะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน  คือวัสดุที่นำมาใช้ทำป้ายจราจรแต่ละชนิด ต้องเป็นวัสดุที่มีคุณภาพตามมาตรฐานกรมทางหลวง  และใช้งานได้จริง ทนทานในระยะยาว จึงจะสามารถนำมาใช้บนท้องถนนได้ ซึ่งทาง ร้านไทยจราจร  ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุที่ได้รับการยอมรับและได้รับการรับรองสามารถนำใช้ในการผลิตได้  โดยแบ่งออกเป็น 5 วัสดุยอดนิยม ได้แก่
เป็นวัสดุที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานกรมทางหลวง  โดยมาตรฐานระบุให้ใช้อลูมิเนียมในการผลิตป้ายจราจรที่มีความหนาขั้นต่ำ 1 มม. หรือ 2 มม. ตามขนาดของป้ายจราจร เนื่องจากวัสดุอลูมิเนียมมักจะมีคุณสมบัติสำคัญ  ๆ ดังนี้
        - มีน้ำหนักเบา ความหนาแน่นน้อย  แต่มีความเหนียวที่ค่อนข้างมากจึงทำให้กรรมวิธีในการผลิตสามารถขึ้นรูปได้อย่างง่าย  โดยไม่เสี่ยงต่อการแตกหัก ทั้งยังมีอัตราความแข็งแรงต่อน้ำหนักสูง
        - อลูมิเนียมเป็นโลหะที่ไม่มีพิษต่อร่างกาย  ไม่เป็นเหล็ก ไม่เกิดประกายไฟ สามารถนำไปใช้งานหรือสัมผัสได้โดยไม่เป็นอันตราย
        - มีความทนทานต่อการเกิดสนิมและต่อต้านการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี  จึงไม่มีปัญหาสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง และยังทนต่อทุกสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี 
            2. เหล็กซิงค์ 
        เป็นหลักแผ่นเคลือบสังกะสีโดยผ่านกรรมวิธีทางไฟฟ้า  ได้รับการรับรองตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  โดยทั่วไปสามารถใช้ในการผลิตป้ายจราจรที่มีความหนาขั้นต่ำ 1 มม. ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรงมากกว่าอลูมิเนียม  ทนทานต่อการเกิดสนิมและการผุกร่อนในช่วงแรกของการใช้งาน เนื่องจากมีการเคลือบสังกะสีไว้ด้วย  แต่ถ้าใช้งานในระยะเวลาที่นานวันเข้า  สังกะสีที่เคลือบไว้อาจเกิดการหลุดลอกก็สามารถทำให้เกิดสนิมได้เหมือนกัน
            3.และ 4. อะคริลิก และพลาสวูด  
        นอกจากอลูมิเนียมและเหล็กซิงค์แล้ว  ยังมีวัสดุอีก 2 ชนิด ที่ผู้ผลิตป้ายจราจรส่วนใหญ่นิยมใช้กันโดยไม่ผิดมาตรฐานกรมทางหลวง  คือ อะคริลิก และพลาสวูด ซึ่งทั้งสองชนิดนี้มักใช้สำหรับทำป้ายจราจรไว้ใช้ในโครงการของห้างสรรพสินค้าหรือหน่วยงานเอกชน  เนื่องจากวัสดุดังกล่าวมีลักษณะของสีวัสดุที่สวยงามเหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ร่มมากกว่าการใช้งานกลางแจ้ง  เพราะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าจำพวกอลูมิเนียมและเหล็กซิงค์ 
            5. ป้ายสติ๊กเกอร์สะท้อนแสง
        วัสดุที่ใช้ทำป้ายสติ๊กเกอร์สะท้อนแสง  โดยปกติแล้วแยกออกเป็น 3 ชนิดได้แก่
        1. Commercial  Grade (สารเคมีเกรดอุตสาหกรรม)  เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์ต่ำที่สุด  ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์สะท้อนแสงต่ำสุดด้วย  ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในการผลิตป้ายใช้ตามโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป  ที่สำคัญมีอายุการใช้งานสะท้อนแสงที่ค่อนข้างน้อยเพียง 1 ปีเป็นอย่างต่ำ
        2. Engineer Grade แผ่นสะท้อนแสงที่มีค่าสัมประสิทธิ์ความเข้มระดับปานกลาง  โดยทั่วไปมีโครงสร้างประเภทลูกแก้ว ชนิดเอ็นโคลสเลนซ์  จึงทำให้ผลการแสดงแสงสะท้อนไม่มากและไม่น้อยเกินไป  ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานขั้นต่ำ 5 ปี  และป้ายสติ๊กเกอร์ประเภทนี้จะได้รับความนิยมมากที่สุด
        3. Diamond Grade เป็นป้ายจราจรที่มีค่าสัมประสิทธิ์ในการสะท้อนแสงสูงที่สุด  จึงมีประสิทธิภาพในการสะท้อนแสงมากกว่าเกรดอื่น ๆ ทำให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน  ที่สำคัญมีอายุในการใช้งานที่ยาวนานถึง 10 ปี  แต่วัสดุประเภทนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควรเนื่องจากผลการสะท้อนแสงที่มากเกินไปในป้ายบางประเภท
        และนอกจากวัสดุที่ใช้ทำสติ๊กเกอร์ทั้ง  3 ชนิดข้างต้นแล้ว ยังมีวัสดุอีกประเภทที่มักจะนำมาผลิตสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงอีก  คือ High Intensity Grade จะมีค่าสัมประสิทธิ์สะท้อนแสงที่สูงขึ้น  ทำให้ความสามารถในการมองเห็นป้ายจราจรที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น  ซึ่งวัสดุประเภทนี้จะมีประสิทธิภาพในการสะท้อนแสงได้ดีกว่าแผ่นสะท้อนแสงแบบลูกแก้ว  เนื่องจากมีโครงสร้างส่วนสะท้อนแสงเป็นแบบปริซึม  เมื่อมีแหล่งไฟส่องกระทบจะสามารถมองเห็นได้ชัดทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน  วัสดุประเภทนี้จึงกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน
        ทั้งนี้ทั้งนั้น  หากใครที่กำลังมองหาป้ายจราจรก็ต้องคำนึงถึงเรื่องของวัสดุที่ได้คุณภาพและมาตรฐานมาเป็นอันดับหนึ่ง  และอย่าลืมให้ความสำคัญหรือละเลยถึงผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธีในกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาเป็นอันดับรองลงมา  การเลือกใช้สินค้าที่ผลิตหรือกระบวนการที่เป็นธรรมชาติ  จะถือได้ว่ามีส่วนร่วมในการเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาโลกให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น  เพราะปัจจุบันโลกของเรากำลังเข้าสู่ช่วงวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้น  หากไม่อยากให้ธรรมชาติของโลกต้องเสื่อมสลายก็จงอย่าใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำลายโลกกันเถิด