ผู้นำด้านอุปกรณ์จราจร ที่ทันสมัย และครบวงจร มากที่สุด ในประเทศไทย!!

ด่วน!! ทางเรามีบริการดูหน้างานเพื่อตรวจสอบหรือวัดขนาดพร้อมให้คำปรึกษา ฟรี...คลิ๊กเลย!!

10 นิสัยการขับรถ ที่ทำให้คุณเป็นต้นเหตุ...ของการเสียชีวิต

Placeholder image

 

      อุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยของเราถือว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าสาเหตุหลักมาจากนิสัยการขับรถที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักของผู้ขับขี่บางราย แม้จะมีการรณรงค์หรือพยายามหาวิธีลดอุบัติเหตุอย่างไรแต่มันก็ยังเกิดขึ้นอยู่เสมออันเนื่องจากการขับรถแย่ ๆ นั่นเอง บทความนี้ ร้านไทยจราจร ขอมาบอกเกี่ยวกับ 10 นิสัยการขับรถที่มีโอกาสส่งให้ตัวคุณเองเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิต


       1. ชอบเร่งเครื่องเวลาเจอไฟเหลือง – เป็นนิสัยที่ไม่ดีมาก ๆ ในการขับขี่ประเภทเวลาเจอ สัญญาณไฟจราจร สีเหลือง หรือสีเขียวที่กำลังจะหมดยิ่งเร่งเครื่องเพื่อต้องการให้ทันก่อนถึงไฟแดง ถ้ามันทันก็รอดตัวไปแต่ถ้าไม่ทันโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุรถชนกันทางแยกไฟแดงนี้มีสูงและนั่นหมายถึงโอกาสจะเสียชีวิตของคนที่ขับรถถูกต้องตามกฎจราจรด้วยเหมือนกัน

      2. ชอบขับแข่งกับคันอื่น ๆ โดยไม่มีสาเหตุ – เชื่อว่านิสัยของคนบางคนเป็นคือเวลาขับรถไปตามเส้นทางต่าง ๆ แล้วพอเห็นคันอื่นแซงหน้าไปจะรู้สึกยอมไม่ได้และต้องขับด้วยความเร็วเพื่อไปเทียบกับรถคันนั้นหรือขับให้เร็วกว่าเพื่อแซงและประกาศศักดาว่ารถของเราเจ๋งจริง แรงจริง หารู้ไม่ว่านั่นคือต้นเหตุสำคัญในการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ทั้งที่คันอื่นเขาไม่ได้รู้สึกอยากขับแรง ๆ หรือขับแข่งอะไรเลยด้วยซ้ำ

      3. ขับปาด ขับแทรก ไม่ยอมเป็นไปตามลำดับ – บ่อยครั้งที่เรามักเห็นคนขับรถนิสัยเสียชอบขับปาด ขับแทรก ทั้ง ๆ ที่คันอื่นกำลังต่อแถวกันอยู่ หากมาช้า ๆ ก็ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ บางคันขับมาด้วยความเร็วแล้วมาแทรกชาวบ้านเขาเฉยถ้าหากรถโดนแทรกเบรกไม่ทันหรือไม่ได้ตั้งตัวก็มีสิทธิ์เกิดอันตรายยิ่งมาแรงมาก ๆ โอกาสเสียชีวิตก็มีสูงเหมือนกัน

      4. ชอบขับบนไหล่ทาง – ตรงนี้เราเห็นกันบ่อยมาก ๆ กับข่าวที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นถนนธรรมดาหรือทางด่วน ปกติไหล่ทางเขาจะมีเอาไว้ให้รถคันมีปัญหาจอดฉุกเฉินเพื่อแก้ไขหรือรอให้คนมาช่วยเหลือ แต่พวกชอบขับไหล่ทางหลาย ๆ คนไม่ได้สนใจตรงนี้คิดเอาแค่ว่าไหล่ทางมันไปไว ถึงที่หมายเร็ว พอขับมาด้วยความเร็วแม้คันที่จอดเสียอยู่จะตั้ง กรวยจราจร หรือ ป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง เป็นสัญลักษณ์บอกเอาไว้ก็อาจเบรกไม่ทันและนั่นหมายถึงความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นตามมา

      5. ขับไปเล่นมือถือไป – แม้ยุคนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามือถือคืออีกปัจจัยในการดำรงชีวิตแต่ระหว่างการขับขี่ก็ควรรู้หน้าที่ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ ประเภทมือหนึ่งขับรถอีกมือหนึ่งเล่นมือถือแล้วสายตาก็วอกแวกไปมาระหว่างหน้ารถกับมือถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิตมานับไม่ถ้วนแล้ว อย่าติดประมาทด้วยนิสัยตรงนี้จนทำให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนดีกว่า แนะนำให้ปิดเสียงไปเลยเวลาขับรถ


      6. ไม่ชอบเปิดไฟเลี้ยว – เป็นอีกนิสัยที่แก้ได้ยากจริง ๆ สำหรับคนขับรถบางคนที่เวลาจะออกซ้ายออกขวาก็ไม่เปิดไฟเลี้ยวบอกคันหลังว่าตนเองจะทำอะไร นั่นทำให้บางครั้งคันหลังไม่คิดว่าจะเบี่ยงออกมาเขาก็ขับมาด้วยความเร็วปกติ ไม่ได้ชะลอไว้ล่วงหน้า ปรากฏเกิดการชนกันจนบางทีถึงกับชีวิตเลย ผู้ขับขี่บางคนยิ่งหนักขนาดจะเลี้ยวเข้าซอยยังไม่ยอมเปิดไฟเลี้ยว เป็นนิสัยที่ต้องแก้อย่างเร่งด่วน


       7. ขับรถเร็วมาก ๆ – บางคนเหมือนเป็นนิสัยส่วนตัวทำนองว่าถ้าหากขับรถช้าแล้วจะรู้สึกร้อนรน ไม่สบายเนื้อสบายตัว เวลาจะไปไหนมาไหนทีจึงต้องขับด้วยความเร็วมาก ๆ เร็วในระดับที่เกินกฎหมายกำหนดและนั่นเองคือสาเหตุสำคัญมาก ๆ ที่ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสีย บางทีไม่ต้องรีบร้อนก็ถึงจุดหมายเหมือนกันแต่ความปลอดภัยต่างกันหลายเท่าตัว

      8. ขับรถย้อนศร – แม้เรามักเห็นว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ทว่าบางเส้นทางบรรดารถยนต์เองก็ชอบขับแบบย้อนศรเหมือนกัน ทั้งที่มี ป้ายจราจร บอกเอาไว้ชัดเจนแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจใด ๆ คือคนที่เขาขับมาตามเส้นทางปกติหากขับบ่อย ๆ ก็พอคุ้นชินยังไม่ค่อยเท่าไหร่แต่คนที่นาน ๆ ขับมาทีโอกาสจะเกิดอุบัติเหตุมีมากแถมอันตรายสุด ๆ

      9. ทำกิจกรรมอื่น ๆ ควบคู่ไปกับการขับรถ – ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า, ดูทีวี, คุยโทรศัพท์ ฯลฯ ที่ดูไม่เหมาะสมเลยระหว่างการขับรถถือว่าอันตรายมาก ๆ กับการเกิดอุบัติเหตุเพราะเวลาคนเราทำกิจกรรมอะไรก็ตามความใส่ใจจะไปอยู่ตรงนั้นหมดยิ่งทำไปพร้อมการขับขี่บางทีอาจกลายเป็นเรื่องเศร้า

      10. เมาแล้วขับ – นิสัยสุดท้ายคือเป็นคนชอบดื่ม ชอบปาร์ตี้ แต่แทนที่จะนั่งแท็กซี่กลับดันขับรถเองและนั่นคือนิสัยที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตมากเป็นลำดับต้น ๆ ของเมืองไทยเลยก็ว่าได้
       ทั้ง 10 นิสัยของการขับรถนี้ ร้านไทยจราจร แนะนำว่าหากเลิกได้ควรเลิก ไม่อย่างนั้นความสูญเสียจะยังคงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และบางทีความโชคร้ายอาจตกอยู่กับตัวคุณหรือคนที่คุณรักก็ได้

white_paper