“บ้านคือวิมานของเรา” คำพูดนี้ควรจะต้องเป็นความจริง เพราะบ้านคือที่ที่ควรจะต้องปลอดภัยมากที่สุด ทว่าการออกแบบบ้านห่วย ๆ ก็ทำให้เกิดหายนะได้ และนี่คือ 10 การออกแบบบ้านห่วย ๆ ที่ร้านไทยจราจรจะนำมาเสนอเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกท่าน
1. บันไดเวียนและบันไดสูงไม่มีชานพักเท้า
บันไดเวียนขั้นบันไดจะกว้างหัวแล้วสอบท้าย ซึ่งด้านกว้างก็ยังแคบจนวางเท้าได้แบบเกินครึ่งมาหน่อยเดียว ถ้าบ้านของคุณมีบันไดเวียนควรทำบันไดสำหรับใช้จริงเอาไว้ต่างหาก บันไดเวียนเอาไว้ประดับเพื่อความสวยงามเท่านั้นพอ ส่วนบันไดสูงไม่มีชานพักเท้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยกฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ข้อ 23 กำหนดให้บันไดสำหรับที่อยู่อาศัยจะต้องมีชานพักเท้าทุก ๆ ช่วง 3 เมตร เพราะถ้าไม่มีคนเดินไปเดินมาอาจขาอ่อนตกบันไดได้เลยทีเดียว
2. บันไดนอกชาน
จากนอกชานลงมาสู่สวนหรือลานนอกบ้าน หากเป็นปูนเปลือยหรือปูนขัดมัน นั่นนับเป็นอีกการออกแบบสุดห่วย ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยลื่นล้มหัวแตกได้ง่าย ๆ ดังนั้นคุณควรติดปุ่มกันลื่นเอาไว้ที่หัวบันไดด้วย หากบันไดมีหลายขั้นปูกระเบื้องแนะนำให้ติดยางปิดจมูกบันไดกันลื่นเพื่อความปลอดภัยด้วย
3. พื้นห้องน้ำกระเบื้องลื่น ๆ
พื้นห้องน้ำในส่วนที่เปียกควรมีค่าป้องกันความลื่นอยู่ที่ R10 สำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุควรใช้ R9 ในส่วนพื้นแห้งใช้ได้สูงสูดที่ R13 โดยค่า R นี้สามารถดูได้จากแคตตาล็อกกระเบื้องอยู่แล้ว แต่การออกแบบห้องน้ำห่วย ๆ ที่ซื้อกระเบื้องไม่ดูค่า R โดนน้ำแล้วแทบลื่นหัวแตกเป็นอันตรายกับผู้อยู่อาศัยเอามาก ๆ หากคุณมีบ้านที่ออกแบบห่วยแบบนี้ควรเปลี่ยนกระเบื้องหรืออย่างน้อยซื้อแผ่นกันลื่นมาปูแก้ขัดไปก่อนก็ยังดี
4. หลังคากระจก
สำหรับเมืองร้อนอย่างประเทศไทย หลังคากระจกนับเป็นเรื่องสิ้นคิด เพราะนอกจากจะทำให้บ้านของคุณร้อน ต้องเปิดแอร์เปลืองไฟทำลายสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังอาจทำให้ผู้ที่อยู่ใต้หลังคากระจกใสเป็นมะเร็งผิวหนังเอาง่าย ๆ เพราะกระจกมันรวมแสงและทำให้ยูวีเข้มข้นขึ้น เรียกว่าอันตรายกว่าเดินตากแดดโทง ๆ โดยไม่ทาครีมกันแดดเสียอีก
5. ประตูกระจกใส
ประตูกระจกใสนั้นสวย ทำให้บ้านดูกว้างและสว่าง แต่เป็นอันตรายเพราะอาจทำให้ผู้อยู่อาศัยเดินชนจนได้รับบาดเจ็บได้ง่าย ๆ ถ้าคุณมีบ้านประตูสวยอันตรายแบบนี้ควรหาสติกเกอร์หรือเทปติดกระจกเพื่อเตือนคนในบ้านไม่ให้เผลอเดินไปชนเข้า
6. มีสระว่ายน้ำแต่ขอบสระไม่กันลื่น
ปกติแล้วเวลาสร้างสระว่ายน้ำ ขอบสระและบริเวณโดยรอบจะต้องใช้วัสดุกันลื่น โดยอาจโรยหินขนาดเล็กเพื่อเพิ่มแรงเสียดทานบนขอบหรือพื้นปูน หรือใช้ไม้ทำขอบสระแทน แต่ถ้าหากคนออกแบบบ้านของคุณใช้กระเบื้องค่า R ต่ำ ๆ มาปูแล้วละก็ แนะนำให้ติดเทปกันลื่นของร้านไทยจราจรทันที
7. มีสวนสวยแต่ไม่มีไฟปล่อยให้มืด
สวนหย่อมนับเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ยิ่งสำหรับคนกรุงด้วยแล้ว แทบจะเป็นปอดเล็ก ๆ ให้กับบ้านเลยทีเดียว แต่สวนนี้ก็เป็นจุดอันตรายเช่นกันหากไม่มีแสงไฟสว่างเพียงพอ เพราะอาจเป็นจุดซ่อนตัวของคนร้ายได้ง่าย ๆ การออกแบบสวนจึงควรมีแสงไฟส่องจากตัวบ้านลงไปยังสวยพอสมควร แต่ถ้าคนที่ออกแบบบ้านของคุณลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป คุณอาจซื้อเป็นโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์ไปติดก็ได้ ซึ่งมีอุปกรณ์เสริมให้เลือกซื้อเพิ่มได้ เช่น แขนยึด ซึ่งสามารถนำไปติดกับตัวบ้านด้านนอกให้ส่องสว่างลงมายังสวนได้ทันที
8. ห้องครัวอยู่ชั้นสอง
หนึ่งในการออกแบบบ้านที่ห่วยที่สุดคือการเอาห้องครัวไปไว้ชั้นสอง เพราะการปรุงอาหารในห้องครัวจะก่อให้เกิดควันและกลิ่นต่าง ๆ เข้าไปรบกวนห้องนอน ห้องน้ำชั้นบน ยิ่งไปกว่านั้นหากเกิดแก๊สรั่วในครัวขณะที่ทุกคนนอนหลับอยู่บนชั้นสอง ก็จะเกิดหายนะย่อม ๆ ขึ้นในบ้านคุณอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นห้องครัวควรอยู่ชั้นหนึ่งเสมอ ถ้าคุณจะดัดแปลงชั้นหนึ่งเป็นห้องนอน คุณก็สามารถต่อเติมห้องครัวให้อยู่นอกบ้านได้
9. ปลั๊กไฟเตี้ยเกินไป
ไม่ว่าบ้านจะมีเด็กหรือไม่มีก็ตาม ปลั๊กไฟที่เตี้ยเกินไปย่อมก่ออันตราย ในเวลาน้ำท่วม หรือบังเอิญน้ำล้นจากอ่างในห้องน้ำลามเข้ามาในบ้าน ปกติแล้วปลั๊กไฟในบ้านจะติดอยู่ 3 ระดับ คือ 30 ซม. 80 ซม. และ 120 ซม.จากพื้นแล้วแต่การใช้งาน การออกแบบบ้านที่มีปลั๊กไฟเตี้ยกว่า 30 ซม. ถือว่าห่วยและก่ออันตรายได้ง่าย ๆ
10. ประตูบานเปิดไม่มีกันชน
ที่สุดของความห่วยแตกในการออกแบบบ้าน คือ การออกแบบประตูจากตัวบ้านสู่ภายนอกเป็นประตูบ้านเปิด แต่ไม่มีกันชน ลองคิดดูว่าหากคุณเปิดประตูบ้านค้างเอาไว้ แล้วคุณยืนอยู่หลังประตูในขณะที่ลมจากสวนพัดฮวบเข้ามาซิ จะเกิดอะไรขึ้น คุณอาจบาดเจ็บจากการที่ถูกประตูตีเอาได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นบ้านที่เป็นอย่างนี้แนะนำให้ซื้อกันชนมาติดโดยด่วน
ร้านไทยจราจรมีข้อเตือนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากบทความนี้ คือ จะบันไดเวียนก็ดี บันไดสูงไม่มีชานพักก็ดี เรื่องสิ้นคิดอย่างห้องครัวอยู่ชั้นสอง หรือหลังคากระจกก็ดี อย่าให้มีในบ้านเลยครับ แต่ถ้ามันมีแล้วก็แก้ไขให้ปลอดภัยเสียดีกว่า เพื่อที่บ้านจะได้เป็นวิมานของเราจริง ๆ