1. การจับพวงมาลัย บังคับรถด้วยมือเพียงข้างเดียว เป็นสิ่งที่ประมาทอย่างมากเพราะจะทำให้ไม่สามารถบังคับทิศทางพวงมาลัยได้ถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น เช่น มีหลุมถนน มี กรวยจราจร ขวางด้านหน้า เพื่อกำหนดเส้นทางถนน และถ้าต้องหักหลบรถคันอื่นแบบกะทันหัน เช่น มีมอเตอร์ไซค์ปาดหน้า การขับรถด้วยมือข้างเดียว จะทำให้พลาดพวงมาลัยหลุดออกจากมือได้ง่าย ทำให้รถเสียการควบคุม รถยนต์เสียหลัก ทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินได้
2. การขับรถโดยที่มองกระจกหน้าอย่างเดียว ไม่มองกระจกหลังเลย แบบนี้จะทำให้เสี่ยงต่อการขับรถขวางการจราจร เช่น การขับรถแช่เลนขวา ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเพราะขวางไม่ให้รถคันอื่นแซงขึ้นไปได้ และทำให้รถคันอื่น ๆ ต้องแซงซ้ายซึ่งเป็นจุดบอด ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนได้ง่าย หรือทำให้รถพยาบาลไม่สามารถขอทางไปส่งคนบาดเจ็บได้ เป็นต้น การมองกระจกหลังจึงมีประโยชน์อย่างมาก ผู้ขับขี่ทุกคนต้องให้ความสำคัญมากขึ้น
3. การกินน้ำและขนมระหว่างการขับรถจะทำให้คุณต้องใช้มือข้างหนึ่งไปหยิบจับอาหารเหลือมือแค่ข้างเดียวที่จับพวงมาลัย และทำให้ไม่มีสมาธิอยู่กับการขับรถยนต์ นอกจากนี้ก็อาหารหรือน้ำดื่มที่ต้องมีการเปิดปิดภาชนะ ก็จะทำให้บางจังหวะ คุณจะต้องมีการใช้มือทั้งสองข้างช่วยหยิบจับ จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น โดยเฉพาะ ถ้าขับไปแล้วเจอจุดที่มีการก่อสร้างอย่างกะทันหันคุณอาจจะไม่ทันสังเกต ป้ายเตือน กรวยจราจร หรือ เสาหลักจราจร ที่ตั้งกั้นไว้อยู่ ก็จะไม่สามารถที่จะเลี้ยวหลบกรวยจะเลี้ยวหลบได้ทัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงได้ และถ้าตกใจจนหักหลบเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น ก็จะเป็นปัญหาให้ต้องเสียงานไปทั้งวันเพื่อรอการตกลงกับบริษัทประกันด้วย
4. การขับรถอย่างไม่มีสมาธิเนื่องจากสนใจดูหนังฟังเพลงไปพร้อม ๆ กัน รวมถึงการดูแผนที่ในโทรศัพท์มือถือ สิ่งเหล่านี้จะทำให้สมองต้องใช้ในการคิดหลายเรื่องพร้อม ๆ กัน ไม่มีสมาธิกับการขับรถบนถนน ถ้ามีทางแยก ทางเลี้ยวโค้ง ทางเบี่ยง ฯลฯ ก็อาจจะตัดสินใจช้า บังคับรถไม่ทัน หรือถ้ามีคนหรือรถคันอื่นวิ่งตัดหน้าขึ้นมา ก็จะไม่สามารถแตะเบรกได้ทันด้วย
วิธีการแก้ไข คือ ให้ตั้งค่าการเปิดเพลงหรือหนังให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง และทำการศึกษาเส้นทางการเดินรถด้วยแผนที่และระบบ gps ให้เข้าใจล่วงหน้า ก็จะทำให้คุณมีสมาธิกับการขับรถมากยิ่งขึ้น
5. กรณีที่คนขับรถชอบเปิดเพลงเสียงดังเพื่อให้แก้ง่วงต้องระวัง เพราะมีการวิจัยว่าถ้าดังมากกว่า 95 เดซิเบล จะทำให้คุณไม่สามารถที่จะได้ยินเสียงรอบข้างได้อย่างปกติและไม่สามารถตอบสนองต่อเสียงแตรหรือการเตือนของคนรอบข้างได้ทันเวลา นอกจากนี้ เมื่อเปิดเพลงดัง ๆ ก็จะทำให้มีการขับรถด้วยความเร็วสูงตามมากด้วย จนไม่ทันเห็น ป้ายจราจร สัญญาณไฟจราจร ทางม้าลาย ทางข้ามถนน จึงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุรถชนคนข้ามถนน หรือชนกับรถยนต์และมอเตอร์ไซต์ที่วิ่งสวนมาตามสัญญาณไฟจราจร แล้วทำให้ถูกปรับหรือถูกลงโทษตามกฎหมายตามความรุนแรงของอุบัติเหตุได้
6. การคุยโทรศัพท์หรือการใช้โปรแกรมสื่อสารเพื่อคุยธุรกิจต่าง ๆ ในระหว่างการขับรถ ทำให้ขาดสมาธิในการตัดสินใจ และทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะขับรถออกเลยเส้นทางที่จะไป ซึ่งมักจะเกิดอุบัติเหตุจากพยายามถอยหลังในพื้นที่เสี่ยง หรือการรีบหาที่ยูเทิร์นในบริเวณที่มีรถคันอื่นวิ่งมาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังทำให้เสี่ยงต่อการขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดง เพราะไม่ทันสังเกต เกิดการชนคนหรือรถคันอื่น ๆ ได้ ก่อนจะเดินทาง จึงควรคุยโทรศัพท์ให้เรียบร้อยหรือปิดเสียงเครื่องชั่วคราว
7. ไม่ควรถอดรองเท้าหรือวางของ เช่น ขวดน้ำ ไว้ใต้ที่วางเท้าด้านคนขับ เพราะบริเวณคันเร่งและเบรก เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งถ้าของสามารถเคลื่อนไปอยู่ใต้เบรก จะเป็นการกั้นไม่ให้คุณเบรกรถยนต์ได้ ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตจากรถชนได้ ดังนั้น การถอดรองเท้าก่อนขับรถ ควรจะถอดวางเอาไว้ด้านหลังรถที่ไม่สามารถเลื่อนมาด้านหน้าได้ และไม่วางขวดน้ำที่พื้นรถ เพราะเสี่ยงต่อการกลิ้งมาด้านคนขับรถได้ จะช่วยป้องกันปัญหาอุบัติเหตุขั้นร้ายแรงได้ดียิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่าทั้ง 7 สิ่งที่กล่าวมา เกิดจากความประมาทที่อาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ทั้งต่อตัวคุณเอง ผู้ขับรถคนอื่น คนที่เดินข้ามถนนไปมา ฯลฯ ร้านไทยจราจร หวังว่า บทความนี้ จะเป็นประโยชน์ในการทำให้ทุกท่านใส่ใจกับการขับรถด้วยความปลอดภัยมากขึ้น