ที่มารูปภาพ : thairath

คุณจะทนกับปัญหาเหล่านี้อีกนานแค่ไหน?

• เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง : จากการขับรถด้วยความเร็วสูง ทำให้รถควบคุมได้ยากและมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง เช่น ชนคนข้ามถนน ชนรถคันอื่น ชนสิ่งกีดขวาง เป็นต้น
• เพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน : อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ รวมทั้งทรัพย์สินเสียหาย
• สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน : อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอาจทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เช่น บาดเจ็บ เสียชีวิต สูญเสียทรัพย์สิน เป็นต้น
• ทำให้สภาพถนนเสียหาย : จากการขับรถด้วยความเร็วสูง อาจทำให้ถนนเกิดการสึกหรอเสียหายได้เร็วขึ้น
• สร้างมลพิษทางอากาศ : จากการเบรกรถกะทันหัน ทำให้เกิดการปล่อยไอเสียที่ปนเปื้อนมลพิษสู่อากาศ
• สร้างเสียงรบกวน : จากการเบรกรถกะทันหัน ทำให้เกิดเสียงดังรบกวน
• ทำให้การใช้รถใช้ถนนไม่ปลอดภัย : จากการขับรถด้วยความเร็วสูง ทำให้การใช้รถใช้ถนนไม่ปลอดภัยสำหรับทุกฝ่าย
• ทำให้ทัศนวิสัยไม่ดี : จากการขับรถด้วยความเร็วสูง ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ไม่ชัดเจน

ไม่มีความรู้เรื่องงานติดตั้ง ไม่แน่ใจว่าควรติดตั้งกี่ท่อน ติดตั้งเองไม่เป็น

• ไม่มีความรู้เรื่องสินค้า ไม่แน่ใจว่าควรใช้กี่ท่อนถึงจะเหมาะสมกับหน้างานหรือสถานที่ของคุณ
• ติดตั้งไม่ถูกต้อง : การติดตั้งยางชะลอความเร็วที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ยางชะลอความเร็วไม่เกิดประสิทธิภาพในการบังคับความเร็วของรถ หรืออาจเกิดอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนได้
• ติดตั้งไม่เหมาะสม : การติดตั้งยางชะลอความเร็วที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ยางชะลอความเร็วไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการบังคับความเร็วของรถได้
• ไม่ได้มาตรฐาน : ยางชะลอความเร็วที่ไม่ได้มาตรฐานอาจไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนนได้ เช่น ยางชะลอความเร็วทำจากวัสดุที่มีคุณภาพต่ำ ยางชะลอความเร็วมีการออกแบบที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น
• อยากให้มีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูหน้างานจริง และให้คำแนะนำที่เหมาะสม

     เพื่อให้การติดตั้งยางชะลอความเร็วเกิดประโยชน์สูงสุดและปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน จึงควรมีความรู้เกี่ยวกับการติดตั้งยางชะลอความเร็ว โดยสามารถศึกษาได้จากคู่มือการติดตั้งยางชะลอความเร็ว หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านจราจร

เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุในพื้นที่ 

• ลดอุบัติเหตุ : ยางชะลอความเร็วช่วยลดความเร็วของรถ ทำให้รถควบคุมได้ง่ายขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น ชนคนข้ามถนน ชนรถคันอื่น ชนสิ่งกีดขวาง เป็นต้น
• เพิ่มความปลอดภัย : ยางชะลอความเร็วช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกฝ่าย เช่น คนเดินถนน คนขับขี่รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ฯลฯ
• ลดมลพิษทางอากาศ : จากการขับรถด้วยความเร็วต่ำ ทำให้เกิดการปล่อยไอเสียที่ปนเปื้อนมลพิษสู่อากาศลดลง
• ลดเสียงรบกวน : จากการเบรกรถกะทันหัน ทำให้เกิดเสียงดังรบกวนลดลง
• ประหยัดเชื้อเพลิง : จากการขับรถด้วยความเร็วต่ำ ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
• ชะลอการสึกหรอของถนน : จากการขับรถด้วยความเร็วต่ำ ทำให้ถนนเกิดการสึกหรอเสียหายได้ช้าลง
• สร้างทัศนวิสัยที่ดี : จากการขับรถด้วยความเร็วต่ำ ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ไม่ชัดเจนลดลง
• ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น : จากการขับรถด้วยความเร็วต่ำ ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น
• ทำให้การใช้รถใช้ถนนปลอดภัยยิ่งขึ้น : จากการขับรถด้วยความเร็วต่ำ ทำให้การใช้รถใช้ถนนปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกฝ่าย

             ยางชะลอความเร็วเป็นอุปกรณ์จราจรที่มีประโยชน์และมีความสำคัญต่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน จึงควรพิจารณาติดตั้งยางชะลอความเร็วในบริเวณที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นตามมา

• ป้องกันก่อนเกิดเหตุ ไม่ต้องเสี่ยงซ่อมแซ่มพื้นที่บ่อยๆ ช่วยประหยัดงบประมาณ
• ลดความเสียเวลา ลดเวลาที่อาจเสียไปจากการเกิดขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
• ประหยัดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุทั้งผู้ใช้งานและเจ้าของสถานที่
• ลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน : จากการขับรถด้วยความเร็วต่ำ ทำให้ลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนลดลง

ผลิตจากพลาสติกไนล่อนคุณภาพดี แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน

• วัสดุพลาสติกคุณภาพ ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน
• สินค้ามีคุณภาพใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต้องซื้อเปลี่ยนบ่อยๆ
• สามารถนำไปต่อกันได้ตามความยาวที่ต้องการ
• มี 2 สีให้เลือกใช้งาน สีดำและสีเหลือง

บริการพิเศษแบบจัดเต็ม! เฉพาะลูกค้าคนพิเศษของร้านไทยจราจร

• มีผู้เชี่ยวชาญบริการให้คำปรึกษา บริการดูหน้าให้ฟรี ในเขต กทม./ปริมณฑล
• มีบริการติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ
• มีรับประกันสินค้าทุกชิ้น  หาที่ไหนไม่ได้แล้ว
• มีบริการหลังการขาย ไม่ทอดทิ้งลูกค้าอย่างแน่นอน
• ไม่พอใจสินค้า หรือสินค้าชำรุดเสียหายจากการขนส่ง ทางเรายินดีคืนเงินภายใน 5 วัน
• มีบริการจัดส่งให้ฟรีถึงบ้าน เพียงมียอดสั่งซื้อ 499 ขึ้นไปในเขตกรุงเทพและปริมณฑล
• ขยายพื้นที่จัดส่งฟรี เมือซื้อครบ 15,000 ส่งฟรีในเขต นครปฐมและฉะเชิงเทรา

1. ถนนสายหลัก (arterial roads)  ได้แก่ ถนนซึ่งทําหน้าที่ให้บริการ และสนับสนุนงานด้านการจราจรเป็นหลัก และการเข้าออกพื้นที่ข้างเคียงและกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นตามแนวถนนจะได้รับการปรับเปลี่ยน เพื่อให้สอดคล้องกับหน้าที่การทํางานของถนนซึ่งเน้นในเรื่องการให้บริการแก่การจราจร

2.ถนนสายรอง (collector roads) ได้แก่ ถนนซึ่งทําหน้าที่ให้บริการแก่การจราจร และการเข้าออกพื้นที่และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นตามแนวถนนร่วมกัน โดยหน้าที่ทั้งสองประการนี้มีความสําคัญ
ใกล้เคียงกัน

3.ถนนสายย่อย (local streets) ได้แก่ ถนนซึ่งมุ่งเน้นในเรื่องการธํารงไว้ซึ่งคุณภาพชีวิตความปลอดภัยคุณภาพสิ่งแวดล้อม และความผาสุกของผู้อยู่อาศัยที่อยู่ริมถนน และมีหน้าที่หลักในการบริการเข้าออกพื้นที่เป็นประเด็นที่สําคัญ และหน้าที่ในการให้บริการแก่การจราจรเป็นประเด็นรอง

1.ลูกระนาด (speed bump)  ลูกระนาดที่พบได้โดยทั่วไปมีลักษณะเป็นส่วนยกที่ก่อสร้างเพิ่มเติมจากพื้นถนน โดยมีระยะฐานกว้างตั้งแต่ 30 ถึง 90 เซนติเมตร (ดูรูป ก) ลูกระนาดโดยส่วนใหญ่ถูกก่อสร้างในบริเวณพื้นที่จอดรถหรือบนถนนส่วนบุคคล ทั้งนี้ความเร็วชะลอของยานพาหนะ ณ จุดที่สัญจรผ่านลูกระนาดอยู่ที่ประมาณ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือน้อยกว่า

ข้อกําหนดในการใช้ ลูกระนาด(speed bump)

ลูกระนาดสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเฉพาะกรณีที่ได้รับการก่อสร้างบนถนนในพื้นที่ส่วนบุคคล เช่น อาคารจอดรถ หมู่บ้านจัดสรร เป็นต้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับผู้เดินเท้าโดยกําหนดความสูงไม่ให้เกิน 7.5 เซนติเมตร ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับยานพาหนะที่สัญจรผ่าน

2.เนินชะลอความเร็ว (speed hump) เนินชะลอความเร็วที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ (ดูรูป ข ) ได้แก่ เนินชะลอความเร็วในรูปแบบที่เรียกว่า Watts profile hump วิจัยพัฒนาและทดสอบโดย Britain’s Transport and Road Research Laboratory ซึ่งเนินชะลอความเร็วที่พบได้โดยทั่วไปมีลักษณะเป็นส่วนยกที่ก่อสร้างเพิ่มเติมจากพื้นถนน โดยมีระยะฐานกว้างมากกว่า 90 เซนติเมตร ทั้งนี้เนินชะลอความเร็วมีได้หลายรูปแบบแต่ในมาตรฐาน

ข้อกําหนดในการใช้ เนินชะลอความเร็ว

เนินชะลอความเร็วสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุดเมื่อถูกก่อสร้างบนถนนที่มีลักษณะเข้าเกณฑ์ในทุกข้อ ดังต่อไปนี้
2.1 ถนนสายย่อย (local streets) ที่ไม่ใช่ถนนสายหลัก (arterial roads) หรือถนนสายรอง (collector roads)
2.2 ถนนที่มีการจํากัดความเร็วของยานพาหนะไว้ไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
2.3 ถนนที่มีปริมาณการจราจรของยานพาหนะซึ่งมีการสัญจรน้อยกว่า 400 คันต่อชั่วโมง
ในชั่วโมงที่มีการสัญจรสูงสุด
2.4 ถนนที่มีปริมาณการจราจรเฉพาะรถบรรทุกซึ่งมีน้ําหนักตั้งแต่ 4.5 ตันขึ้นไป สัญจรน้อยกว่า 50 คันต่อวัน
2.5 ถนนที่มีความลาดชันตามทางยาวของถนนน้อยกว่าร้อยละ 5
2.6 ถนนที่ไม่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางหลักซึ่งมียานพาหนะสัญจรเข้าสู่ย่านธุรกิจ
2.7 ถนนซึ่งไม่ถูกใช้เป็นทางผ่านเข้าออกประจําของหน่วยงานที่ให้บริการด้านงานฉุกเฉินต่าง ๆ

2 รูปแบบเนินชะลอความเร็วตามมาตรฐานสากล

1.เนินชะลอความเร็วแบบโค้งพาราโบล่า รูปแบบ Watts profile hump ซึ่งมีลักษณะเป็นเสี้ยวโค้งพาราโบล่า กําหนดให้มีฐานกว้าง 3.7 เมตรโดยประมาณ และมีความสูง 76.2 มิลลิเมตร

2.เนินชะลอความเร็วแบบผิวบนแบนราบ กําหนดให้มีความสูงไม่เกิน 75 มิลลิเมตร และมีทางลาดขึ้นและลาดลงที่มีความชันตั้งแต่ 1:12 ถึง 1:15 โดยให้มีความยาวของผิวราบด้านบนในทิศทางที่ยานพาหนะสัญจรผ่านเป็นระยะไม่น้อยกว่า 2 เมตร ซึ่งสามารถใช้เป็นทางคนเดินข้าม (ทางม้าลาย) ได้

การจัดระบบสันชะลอความเร็ว

การจัดระบบสันชะลอความเร็วมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ใช้สันชะลอความเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับจากสาธารณชน การจัดระบบสันชะลอความเร็วควรปฏิบัติตามแนวทาง ดังต่อไปนี้
1. สันชะลอความเร็วแรกควรอยู่ในระยะ 100 เมตร จากต้นถนนสายย่อย เพื่อให้สามารถควบคุมความเร็วของยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สันชะลอความเร็วต้องอยู่ห่างจากทางแยกต่าง ๆเป็นระยะพอสมควร เพื่อไม่เป็นการขัดขวางการจราจรที่เข้าสู่หรือออกจากถนนบริเวณทางแยก
2. สันชะลอความเร็วต้องไม่กีดขวางทางเข้าออกของพื้นที่ส่วนบุคคล
3. ระยะการมองเห็นสันชะลอความเร็วต้องมีระยะตามสมควร ซึ่งเทียบเคียงได้กับทัศนวิสัยในการขับขี่ยานพาหนะได้อย่างปลอดภัยที่ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
4. สันชะลอความเร็วควรถูกก่อสร้างตั้งฉากกับทิศทางของการจราจร
5. ระยะห่างระหว่างสันชะลอความเร็วแต่ละจุดควรมีระยะตั้งแต่ 80 ถึง 120 เมตร
6. สันชะลอความเร็วควรมีความยาวด้านข้างเต็มพื้นที่ถนนที่ยานพาหนะสามารถสัญจรผ่านได้ยกเว้นกรณีที่จะต้องเผื่อสําหรับการระบายน้ํา เนื่องจากสันชะลอความเร็วที่มีความยาวด้านข้างไม่เต็มพื้นที่ถนน อาจเป็นเหตุให้ผู้ขับขี่เลี่ยงไปขับผ่านทางด้านข้างที่ไม่ถูกปกคลุมด้วยสันชะลอความเร็ว
7. บริเวณทางสัญจรที่มีสันชะลอความเร็วควรมีแสงสว่างที่เพียงพอ เพื่อให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะสามารถมองเห็นสันชะลอความเร็วได้อย่างชัดเจน