แจกบทความฟรี
10 อย่างที่ควรเช็คสภาพรถ ถ้าต้องการเดินทางออกต่างจังหวัด
การเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยมายังต่อเนื่อง ในวันนี้ ร้านไทยจราจร จึงขอแนะนำ 10 อย่างที่ควรเช็คสภาพรถ หากต้องการออกเดินทางต่างจังหวัดไม่ว่าจะใกล้หรือไกลเพียงใดก็ไม่ควรประมาท จะมีอะไรบ้างมาดูกัน
- น้ำมันเครื่องรถยนต์
เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้หากขาดน้ำมันเครื่องในการหล่อลื่นเครื่องยนต์ ย่อมเกิดแรงเสียดสีภายในชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เกิดปัญหาลูกสูบติด ฝาสูบจะโก่งตัวขึ้น มีการละลายของอุปกรณ์ตามความร้อนที่เพิ่มสูง จึงต้องเช็คระดับน้ำมันเครื่องไม่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ต่ำสุด โดยดึงก้านพลาสติกออกมาดูว่าระดับน้ำมันเครื่องมีเพียงพอหรือไม่ หากอยู่ในเกณฑ์ต่ำควรเติมไว้ไม่ควรรอจนถึงรอบการถ่ายน้ำมันเครื่องเพราะอาจทำให้ขับรถระยะทางไกลต่อเนื่องหลายชั่วโมงแล้วเครื่องยนต์ประสบปัญหาไปไม่ถึงปลายทางได้
- ระบบหล่อเย็นเครื่องยนต์
ต้องเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำว่าอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ หากอยู่ในเกณฑ์ต่ำให้เติมน้ำสะอาดลงไปเพื่อป้องกันหม้อน้ำแห้งเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท จนทำให้เครื่องน็อคและไปต่อไม่ได้ สำหรับรถใหม่ที่เพิ่งออกจากศูนย์รถยนต์อาจจะไม่ต้องกังวลในจุดนี้มาก เพราะมักมีบริการเติมน้ำในหม้อน้ำให้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามปัญหาหม้อน้ำแห้งพบได้บ่อย ควรพก กรวยจราจรพับได้ ติดไว้หลังรถด้วยเผื่อว่ามีปัญหาต้องจอดรถข้างทางระหว่างรอหม้อน้ำเย็นตัวลงแล้วเติมน้ำ ควรตั้ง กรวยจราจร ไว้ห่างจากท้ายรถ 150 เมตรขึ้นไปป้องกันไม่ให้รถที่ขับมาตามหลังเฉี่ยวชนท้ายได้ ซึ่งกรวยรุ่นใหม่จะมีการติดแถบสะท้อนแสงทำให้ง่ายต่อการสังเกตแม้จะเป็นเวลาค่ำคืน
- เช็คลมยางรถยนต์
การเดินทางไกลจะประสบปัญหาแน่ถ้ายางรถยนต์ไม่พร้อม มีหลักการง่าย ๆ ว่าถ้าเป็นรถยนต์เล็กควรเติมลมยางที่ 25-30 ปอนด์ แต่ถ้าเป็นรถใหญ่ควรเป็น 30-35 ปอนด์ โดยควรเติมให้เท่ากันทั้ง 4 ล้อเพื่อป้องกันการสึกหรอของยางที่ไม่สมดุล ทั้งนี้ควรเติมลมยางตั้งแต่ช่วงกลางคืนก่อนที่จะเดินทาง ไม่ควรเติมลมยางขณะร้อนเพราะทำให้อากาศขยายตัว ค่าที่วัดได้จะผิดเพี้ยน
- เช็คสภาพดอกยาง
ในส่วนของดอกยางก็เช่นกัน หากยางโล้นหรือมีรอยร้าว มีความเสี่ยงที่จะระเบิดสูง หากเป็นไปได้ควรเปลี่ยนเป็นยางเส้นใหม่ที่มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ในคุณภาพการขับขี่
- ตรวจผ้าเบรก
ความสมบูรณ์ผ้าเบรกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราขับขี่ในถนนร่วมกับรถคันอื่นทั้งกลางวันและกลางคืน หากเกิดอาการเบรกแตกย่อมจะมีความรุนแรงของอุบัติเหตุในระดับสูงโดยเฉพาะหากมีการขับขี่ด้วยความเร็วสูงเวลาเดินทางไปต่างจังหวัดที่ถนนมักโล่ง ไม่ควรฝืนใช้จนกระทั่งผ้าเบรกหมด (สังเกตจากมีเสียงเอี๊ยดเวลาเหยียบเบรก) แม้บนถนนจะมีการติดตั้ง ยางชะลอความเร็ว และยางปูพื้นกันลื่น ในหลายจุดที่มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ แต่อาจเกิดอาการเบรกแตกย่อมมีความเสียหายที่เกินจะคาดคิดได้
- เช็คความสว่างของไฟ
ไฟสูง ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยวและไฟเบรก ไม่ควรมีจุดใดไม่พร้อมใช้งาน ไม่ว่าไฟดวงใดจะดับย่อมทำให้ผู้ขับขี่รถตามหลังไม่สามารถคาดเดาทิศทางของรถคุณได้ว่าจะเลี้ยว จะตรง หรือจะเบรก ยิ่งหากมีการเดินทางในช่วงที่อากาศมีหมอกหรือวิสัยทัศน์การมองเห็นไม่ดี ไฟสูงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการขับขี่เส้นทางไกลไปต่างจังหวัด
- เช็คแบตเตอรี่รถยนต์
ทุกวันนี้เรามีการใช้เครื่องมือที่มีการดึงแบตเตอรี่รถมาใช้ด้วย เช่นการเสียบชาร์จโทรศัพท์ หรือต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ทำให้แบตเตอรี่อาจจะหมดไวกว่าที่ควรหากรถมีปัญหาสตาร์ทติดยากควรเช็คว่าแบตเตอรี่เสื่อมหรือยัง โดยใช้เครื่องมือวัด volt ของกระแสไฟฟ้า ควรมีค่าอยู่ที่ 13.18 ถึง 14.2 volt หากต่ำกว่านี้ เช่น วัดได้ 11 โวลต์ มีโอกาสสูงที่จะสตาร์ทไม่ติด หากคุณต้องการไปต่างจังหวัดหลายวันก็จะมีความลำบากหรือการเดินทางสะดุดได้ ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เสียดีกว่า
- เช็คระดับของเหลวในระบบเครื่องยนต์
ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเบรก คลัชท์ เกียร์ น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ก็ต้องเช็คให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงน้ำยาแอร์ที่แม้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์ แต่มีผลต่อความสะดวกสบายในระหว่างการเดินทางอย่างยิ่ง จึงห้ามพลาดเช็คเด็ดขาด
- ไส้กรองแอร์
อย่าลืมว่าระบบแอร์ระบบแอร์ในรถยนต์จำเป็นต้องมีสภาพอากาศบริสุทธิ์ไม่มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกสะสมจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพและทำให้การโดยสารไม่ได้รับความสะดวกสบาย การเปลี่ยนไส้กรองแอร์ต้องทำทุก 20,000 กิโลเมตร หรือหากเปิดออกมาเช็คแล้วมีความดำมากควรเปลี่ยนก่อนการเดินทางจะดีที่สุด
- ที่ปัดน้ำฝนรถยนต์
ยางของที่ปัดน้ำฝนมีความเสื่อมได้ตามสภาพของการจอดรถเช่น หากจอดรถกลางแดดบ่อยก็จะทำให้ยางเสื่อมไว ยางปัดน้ำฝนเสื่อมคุณภาพแล้วจะทำให้เมื่อเปิดใช้จะขูดขีดกระจกเป็นรอยและทำให้ไม่สามารถไล่น้ำฝนออกจากผิวหน้ากระจกได้ ส่งผลต่อวิสัยทัศน์ในการขับขี่อย่างแน่นอน